วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2551

Christmas Day*


คำว่า คริสต์มาส ภาษาอังกฤษเขียนว่า
Christmas ดังนั้นอย่าลืม "ต์" อยู่ที่คำว่า คริสต์ (Christ) ไม่ใช่คำว่า "มาส" (Mas)

Christmas มาจากภาษาอังกฤษโบราณว่า Christes Maesse แปลว่า บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า โดยพบคำนี้ครั้งแรกในเอกสารโบราณในปี ค.ศ.1038 ภายหลังแปรเปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas ประวัติความเป็นมาของวันคริต์มาส ซึ่งเป็นวันเกิดของพระเยซูนั้น ตามหลักฐานในพระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า พระเยซูเจ้าประสูติในสมัยที่จักรพรรดิซีซ่าร์ ออกัสตัส แห่งโรมัน ซึ่งทรงสั่งให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน โดยฝ่ายคีรีนิอัส เจ้าเมืองซีเรียก็ขานรับนโยบาย

อย่างไรก็ตามในพระคัมภีร์ ไม่ได้ระบุว่า พระเยซูประสูติวันหรือเดือนอะไร

ด้านนักประวัติศาสตร์วิเคราะห์ว่า เดิมทีวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันที่จักรพรรดิเอาเรเลียนแห่งโรมัน กำหนดให้เป็นวันฉลองวันเกิดของสุริยเทพ โดยตั้งแต่ปีค.ศ.274 ชาวโรมันซึ่งส่วนใหญ่นับถือเทพเจ้าฉลองวันนี้เสมือนว่า เป็นวันฉลองของพระจักรพรรดิไปในตัวด้วย เพราะจักรพรรดิก็เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ ที่ให้ความสว่างแก่ชีวิตมนุษย์ แต่ชาวคริสต์ที่อยู่ในจักรวรรดิโรมัน รวมถึงชาวโรมันที่เปลี่ยนไปนับถือคริสต์อึดอัดใจที่จะฉลองวันเกิดของสุริยเทพ จึงหันมาฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้าแทน หลังจากที่ชาวคริสต์ถูกควบคุมเสรีภาพทางศาสนาตั้งแต่ปีค.ศ.64-313 จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม ปีค.ศ.330
ชาวคริสต์จึงเริ่มฉลองคริสต์มาสอย่างเป็นทางการและเปิดเผย สำหรับองค์ประกอบในงานฉลองวันคริสต์มาสมีความเป็นมาเช่นกัน
เริ่มที่คำอวยพรว่า Merry Christmas สุขสันต์วันคริสต์มาส คำว่า Merry ในภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า สันติสุขและความสงบทางใจ จึงเป็นคำที่ใช้อวยพรคนอื่น ขอให้เขาได้รับสันติสุข และความสงบทางใจ เนื่องในโอกาสเทศกาลคริสต์มาส ต่อมาคือ "เพลง" ที่ใช้เฉลิมฉลองทั้งจังหวะช้าและจังหวะสนุกสนาน ส่วนใหญ่แต่งในยุคพระราชินีวิกตอเรียแห่งอังกฤษ (ค.ศ.1840-1900) ปัจจุบันแพร่หลายไปทั่วโลกโดยแปลเป็นภาษาต่างๆ มากมาย สำหรับ "ซานตาคลอส" เซนต์นิโคลัสแห่งเมืองมีรา
สมัยศตวรรษที่ 4 ได้รับการขนานนามให้เป็นซานตาคลอสคนแรก เพราะวันหนึ่งท่านปีนขึ้นไปบนหลังคาบ้านของเด็กหญิงยากจนคนหนึ่งแล้วทิ้งถุงเงินลงไปทางปล่องไฟ บังเอิญถุงเงินหล่นไปทางถุงเท้าที่เด็กหญิงแขวนตากไว้ข้างเตาผิงพอดี ปิดท้ายที่ต้นคริสต์มาส หรือต้นสนที่นำมาประดับประดาด้วยดวงไฟหลากสีสัน ต้องย้อนไปศตวรรษที่ 8 เมื่อเซนต์บอนิเฟส มิชชันนารีชาวอังกฤษที่เดินทางไปประกาศเรื่องพระเจ้าในเยอรมนี ได้ช่วยเด็กที่กำลังจะถูกฆ่าเป็นเครื่องสังเวยบูชาที่ใต้ต้นโอ๊ก โดยเมื่อโค่นต้นโอ๊กทิ้งก็ได้พบต้นสนเล็กๆ ต้นหนึ่งขึ้นอยู่โคนต้นโอ๊ก ท่านจึงขุดให้คนที่ร่วมพิธีกรรมเหล่านั้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของชีวิต และตั้งชื่อว่า ต้นกุมารพระคริสต์
ต่อมามาร์ติน ลูเธอร์ ผู้นำคริสตจักรชาวเยอรมัน ตัดต้นสนไปตั้งในบ้านในเดือนธันวาคม ปีค.ศ.1540
หลังจากนั้นในศตวรรษที่ 19 ต้นคริสต์มาสจึงเริ่มแพร่ไปสู่ประเทศอังกฤษและทั่วโลก

วันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2551

Brothers Grimm*

PRADT *****

วันก่อนได้ชมตัวอย่างของภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่ไม่เกิดอารมณ์อยากดูเลย

เพราะมันดูคล้ายกับ van helsing อย่างมาก

และก็พอดีได้ตั๋วจาก popcornmag เลยได้มีโอกาสไปชมก่อนวันเข้าฉายจริงเล็กน้อย
เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของสองพี่น้องตระกูล grimm ในช่วงปี 17xx ช่วงเวลาที่เยอรมันตกอยู่ใต้อำนาจของฝรั่งเศส สองพี่น้องก็ได้ออกเดินทางไปยังที่ต่างๆ เพื่อกำจัดภูติผีปิศาจ จนมีชื่อเสียงโด่งดังขจรกระจายไปไกล หากแต่การกำจัดผีของพวกเขา มันเป็นเทคนิคกลลวงแทนที่จะเป็นของจริง…

นายพลฝรั่งเศสจับแผนการของพวกเขาได้ และยื่นข้อเสนอให้สองพี่น้องเลือกที่จะตาย หรือว่าจะไปจัดการเหตุการณ์ประหลาดในเมืองเล็กๆแห่งหนึ่ง ซึ่งมีเด็กผู้หญิงหายตัวไปหลายคนอย่างต่อเนื่อง
โดยนายพลฝรั่งเศสเชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มบุคคลที่ไม่ประสงค์ดี
แต่เมื่อพวกเขาไปถึงกลับพบความจริงที่น่ากลัวยิ่งกว่า…
เรื่องเรื่องดำเนินไปได้น่าสนใจและตื่นเต้น
มีการแทรกสอดนิยายต่างๆได้อย่างค่อนข้างลงตัว และน่าติดตาม
ทั้ง snowwhite, hansel & gretel, werewolf, cinderella, rapunzel, sleeping beauty (เจ้าหญิงนิทรา), little red riding hood (หนูน้อยหมวกแดง), frog prince (เจ้าชายกบ)
เป็นการรวมเรื่องจริงเข้ากับนิยายได้อย่างน่ารื่นรมย์

วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2551

รักพ่อคะ,,,,^^

รักคุณพ่อมากมายคะ

สูงกว่าน้ำ เหนือกว่าฟ้า คำว่าพ่อ
ล้นคำยอ ยกเกียรติ ขึ้นเสียดหล้า ล้นความรัก ลูกพักพิง อิงกายา
ล้นเมตตา กอดอุ้ม คุ้มดวงใจ*

ล้นอบอวล อกอาบ ไออบอุ่น ล้นละมุน พ่อคอยหวง
ด้วยห่วงหา ล้นปราณี พออภัย ทุกเวลา ล้นบูชา
พ่อยิ่งพระ ประจำเรือน ล้นความดี พ่อชี้ ว่าถูกผิด
ล้นความคิด พ่อปลอบขวัญ ฉันท์มิตรเพื่อน ล้นพระธรรม
กรรมดี ที่พ่อเตือน ดินสะเทือน ฟ้าสะท้าน ขาน “บิดา”

ใกล้วันพ่อแล้วนะคะเลยนำกลอนดีๆวันพ่อมาให้อ่านกันคะ
พวกคุณๆทำอะไรดีๆเพื่อคุณพ่อของเราแล้วหรือยัง
และเป็นลูกที่ดีของพ่อหลวงของพวกเราแล้วหรือยัง
ถ้ายังเริ่มต้นได้แล้วนะคะ ขอให้มีความสุขกับคุณพ่อและครอบครัวกันทุกคนนะคะ ^_______^*

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

สมเด็จพระนางเจ้าพี่นางเธอ ฯ

พระราชประวัติ ______________*


















ประสูติ












สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
ทรงเป็นพระธิดาพระองค์แรกใน สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก
และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
ประสูติเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๖ เวลา ๑๑.๐๗ น.
หลังเที่ยง (ตามเวลาในประเทศอังกฤษ) ณ สถานพยาบาล เลขที่ ๔๘ Lexham gardens กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ พระนามในพระสูติบัตรเมื่อแรกประสูติ คือ เมย์ ตามเดือนที่ประสูติ













สมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ทรงมีพระอนุชา ๒ พระองค์
คือพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล
พระอัฐมรามาธิบดินทร์ และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระภัทรมหาราช

*********************************************

วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ครู-นักเรียนฝรั่งเศสประท้วงแผนปฏิรูปการศึกษารัฐบาล ^ ^



นักเรียนและครูชาวฝรั่งเศสนับหมื่นคนเดินขบวนประท้วง


แผนการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งจะมีการลดตำแหน่งครูลงกว่า 8,000 คน
ปารีส-นักเรียนและครูชาวฝรั่งเศสอย่างน้อย 19,000 คน
ชุมนุมประท้วงตามท้องถนนหลายสายในกรุงปารีส เพื่อต่อต้านแผนการปฏิรูประบบการศึกษาของรัฐบาล
โดยพวกเขาเดินขบวนเพื่อแสดงพลังคัดค้านการลดปริมาณครูในโรงเรียนประถม หลังจากที่ รัฐบาลฝรั่งเศสมีแผนการลดตำแหน่งงานด้านการศึกษาลงประมาณ 11,200 ตำแหน่งในปีนี้ ซึ่งรวมตั้งตำแหน่งครูด้วย 8,500 คน การประท้วง ซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อบ่ายวานนี้ นับเป็นครั้งที่ 2 แล้วในสัปดาห์นี้ และเป็นครั้งที่ 5 ในรอบ 2 สัปดาห์ โดยการประท้วงเมื่อวานนี้ เป็นครั้งใหญ่ที่สุด
แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจประเมินว่า มีผู้เข้าร่วมประท้วง 19,000 คน ขณะที่ ผู้จัดการประท้วงกล่าวว่า มีผู้เข้าร่วมประท้วงตามท้องถนนระหว่าง 30,000-40,000 คน ด้านนายซาวิเยร์ ดาร์กอส รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการของฝรั่งเศส ซึ่งกล่าวต่อวุฒิสภาว่า แผนการปฏิรูประบบการศึกษาที่เสนอไปไม่ได้มีขนาดใหญ่โต แต่มีเพียงจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีการประท้วงประปรายในหลายเมืองของฝรั่งเศส ซึ่งรวมทั้งบอร์กโดซ์ ตูลูส ลียงและเกรโนเบิล

ระบบโรงเรียนในประเทศฝรั่งเศสเป็นที่ขึ้นชื่อในด้านการคัดเลือกและแข่งขันมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก คุณสามารถที่จะสอบ Baccalaureat ซึ่งเป็นข้อสอบบังคับสำหรับการจบการศึกษา ไปพร้อมๆกับเพื่อนร่วมชั้น ส่วนใหญ่ทุกวันพุธช่วงบ่ายจะเป็นเวลาว่างจากชั่วโมงเรียน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะมากสำหรับกีฬาหรือกิจกรรมยามว่างอื่นๆในชุมชน
นักเรียนฝรั่งเศสไปโรงเรียนเป็นเวลา 12 ปี
โรงเรียนมัธยมปลายหรือ "le lycee" มีชั้นเรียนทั้งหมดสามชั้นตั้งแต่ ม.4 ถึง ม.6 เรียกว่า seconde, premiere และ terminale ตามลำดับ โดยที่จะเน้นด้านภาษาและวรรณกรรม นักเรียนแลกเปลี่ยนฯ EF ส่วนใหญ่จะได้เรียนในชั้น seconde หรือ premiere โรงเรียนจะมีสามเทอมด้วยกัน ซึ่งจะเปิดเทอมในช่วงเดือนกันยายน มกราคม และเมษายน โรงเรียนส่วนใหญ่มีขนากค่อนข้างใหญ่ จำนวนนักเรียนโดยทั่วไปจะมีจำนวนนักเรียนระหว่าง 1000 - 3000 คน นักเรียนจะมีความเคารพให้คุณครูและต้องใช้คำนำหน้า Monsieur, Mademoiselle หรือ Madameในการเรียกชื่อคุณครู ระบบการศึกษาจะเน้นเนื้อหาและให้ความสำคัญมากในการวิเคราห์และความเข้าใจ

^^____________________~~*








วันอังคารที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ประธานาธิบดีฝรั่งเศส^ ^


ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส (Président de la République française)

เป็นตำแหน่งประมุขของรัฐที่มาจากการเลือกตั้ง
จักรพรรดิโปเลียนที่ 3
4 ใน 5 สาธารณรัฐฝรั่งเศสที่เคยมีมาได้มีประธานาธิบดีในตำแหน่งประมุขแห่งรัฐ
ซึ่งทำให้ระบอบประธานาธิบดีของประเทศฝรั่งเศสนั้น
เป็นระบอบที่ยาวนานที่สุดที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ยุโรปประเทศหนึ่ง
รัฐธรรมนูญในแต่สาธารณรัฐนั้น อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของประธานาธิบดีนั้น
มีความแตกต่างกันไป ประธานาธิบดีฝรั่งเศสนั้นยังมีฐานะเป็น
ผู้ปกครองร่วมอันดอร์ราอีกด้วย ประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนปัจจุบันคือ
นิโกลาส์ ซาร์โกซี
ข้าดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่
16 พฤษภาคม พ.ศ. 2550
สาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 5 นั้นเป็นการปกครองด้วยระบอบกึ่งประธานาธิบดี
ประธานาธิบดีเองก็มีอำนาจมากพอสมควรซึ่งไม่เหมือนกับประเทศอื่นๆ
ในทวีปยุโรป แม้ว่าโดยส่วนมากการควบคุมดูแลและบัญญัติกฎหมาย
เป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีและรัฐสภา แต่ประธานาธิบดีก็มีอิทธิพลด้วย อำนาจสูงสุดของประธานาธิบดีนั้นคือการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี
แต่อย่างไรก็ตามรัฐสภาฝรั่งเศสก็มีอำนาจที่จะปลดคณะรัฐมนตรีได้
ทำให้ประธานาธิบดีเหมือนกับถูกบังคับให้เลือกนายกรัฐมนตรีที่รัฐสภาให้การสนับสนุน เมื่อไหร่ที่เสียงส่วนมากในรัฐสภามีความเห็นทางการเมืองตรงข้ามกับประธานาธิบดี
ซึ่งจะทำให้เกิดการบริหารร่วมกัน เมื่อนั้นอำนาจประธานาธิบดีจะลดน้อยลง
เนื่องจากอำนาจส่วนมากจะไปขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีและรัฐสภาแทน
และอาจจะไม่สนับสนุนการแต่งตั้งของประธานาธิบดีอีกด้วย เมื่อไหร่ที่เสียงส่วนมากในรัฐสภาสนับสนุนประธานาธิบดี
ประธานาธิบดีก็จะมีบทบาทมากขึ้นและมีอิทธิพลต่อนโยบายการบริหารของรัฐบาล
บทบาทของนายกรัฐมนตรีจึงลดลงและอาจถูกปลดออกจากตำแหน่ง
หรือเปลี่ยนคณะผู้บริหารถ้าไม่เป็นที่นิยม ตั้งแต่
พ.ศ. 2545 เป็นต้นมา ประธานาธิบดีและรัฐสภามีวาระ 5 ปี
และการเลือกตั้งทั้ง 2 ครั้งจะใกล้กัน
ทำให้ความเป็นไปได้ของการบริหารร่วมกันนั้นมีความน้อยลง
___________________________~^^ อย่างไรก้ตามคนไทยทุกคนควรมีความรักในชาติ
และสามัคคีกันเพื่อนบ้านเมืองที่สงบสุข คะ *

ทักทายกัน,,นะ


คำทักทายในภาษาต่างๆ ภาษา ภาษาไทย ,,,คำอ่านภาษาอังกฤษ,,, คำอ่านภาษาไทย

ฝรั่งเศส ^o ^*

สวัสดี Bonjour บง ชูร์
ขอบคุณ Merci แม้ค ซี่
ขอโทษ Pardon ปาร์ค ดอง
กรุณา S'll vous plait ซิล วู เปล
สบายดีไหม Comment ca va? กอมมอง ซา วะ
กี่โมงแล้ว Quelle heure est il/ แกล เลอร์ เอ ติล ...
อยู่ที่ไหน Ou est…? อู เอ...
ลาก่อน Au revoir โอ เครอะ วัว
คุณพูดภาษาอังกฤษได้ไหม? Parlez vous en anglais? ปาค์ เลย์ วู ออง นองเกล๊ ^^

นี่เป็นแค่การทักทายเบื้องต้นนะคะ

เราสามารถเรียนรู้ได้ตามเวปไซด์ภาษาฝรั่งเศสได้อีกมากมายคะ !!!



วันอังคารที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ฤดูกาลของฝรั่งเศส,,^^


ฤดูกาลในฝรั่งเศส...
ในฝรั่งเศสมี 4 ฤดูกาล
ฤดูใบไม้ผลิ จะเริ่มราววันที่ 21มีนาคม - 21 มิถุนายน ฤดูนี้อากาศดีมาก ต้นไม้ผลิดอกสวยงามมาก

ฤดูร้อน จะเริ่มราวๆ วันที่ 22 มิถุนายน - 22 กันยายน อากาศดีและร้อน เป็นฤดูแห่งการพักผ่อน ในเดือนสิงหาคม โรงงาน ร้านค้า มักจะหยุดให้พนักงานพักผ่อน ผู้คนนิยมไปทะเล

ฤดูใบไม้ร่วง จะเริ่มราวๆ วันที่ 23 กันยายน - 23 ธันวาคม อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีเทา ฝนเริ่มตั้งเค้า ลมพัดแรง ใบไม้ผลัดใบทิ้งเพื่อรอรับฤดูหนาวที่ใกล้เข้ามา

ฤดูหนาว จะเริ่มจากวันที่ 23 ธันวาคม - 23 มีนาคม อากาศหนาว
จัด หิมะตก ไม่มีใบไม้เหลือบนต้นไม้เลย

____________________^^___________________^^__________^^___________________

วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2551

การเเบ่งการปกครอง-ฝรั่งเศส,,*


ประเทศฝรั่งเศสภาคพื้นทวีปยุโรป (Metropolitan France)
แบ่งการปกครองออกเป็น 22 แคว้น (regions - régions) ได้แก่
อัลซาซ (Alsace)
อากีแตน (Aquitaine)
โอแวร์ญ (Auvergne)
บาส-นอร์มองดี (Basse-Normandie)
บูร์กอญ (Bourgogne)
เบรอตาญ (Bretagne)
ซองตร์ (Centre)
ชองปาญ-อาร์แดน (Champagne-Ardenne)
กอร์ส (คอร์ซิกา)(Corse)
ฟรองช์-กงเต (Franche-Comté)
โอต-นอร์มองดี (Haute-Normandie)
อีล-เดอ-ฟรองซ์ (Île-de-France)
ลองเกอด็อก-รูซียง (Languedoc-Roussillon)
ลีมูแซง (Limousin)
ลอร์แรน (Lorraine)
มีดี-ปีเรเนส์ (Midi-Pyrénées)
นอร์ด-ปาส์-เดอ-กาเลส์ (Nord-Pas-de-Calais)
เปอีส์ เดอ ลา ลัวร์ (Pays de la Loire)
ปีการ์ดี (Picardie)
ปัวตู-ชารองต์(Poitou-Charentes)
โปรวองซ์-อัลป์-โกต ดาซูร์ (Provence-Alpes-Côte d'Azur)
โรน-อัลป์(Rhône-Alpes)
โดยในแต่ละแคว้นแบ่งออกเป็น จังหวัด (départements) รวมทั้งหมด 96 จังหวัด
นอกจากในทวีปยุโรปแล้ว ประเทศฝรั่งเศสยังมีเขตการปกครองโพ้นทะเล (Overseas) อยู่ในทวีปต่าง ๆ ทั้งอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ แอฟริกา แอนตาร์กติกา และภูมิภาคโอเชียเนียอีก ได้แก่

4 เขตการปกครองโพ้นทะเล (Départements d'outre-mers: DOM) ได้แก่ กวาเดอลูป (Guadeloupe) เฟรนช์เกียนา (French Guiana) มาร์ตินีก (Martinique) และเรอูนียง (Réunion) ทั้งสี่มีฐานะเดียวกับแคว้นในฝรั่งเศสภาคพื้นทวีป (อย่างเดียวกับฮาวายที่มีฐานะเท่าเทียมกับมลรัฐอื่น ๆ ในสหรัฐอเมริกา) กล่าวคือ เป็นทั้งแคว้นและจังหวัดในเวลาเดียวกัน
3
อาณานิคมโพ้นทะเล (Collectivités d'outre-mer) ได้แก่ แซงต์ ปีแอร์และมีเกอลง (Saint-Pierre and Miquelon) หมู่เกาะวาลลิสและหมู่เกาะฟุตูนา (Wallis and Futuna) และมายอต (Mayotte)
1
ประเทศโพ้นทะเล (Pays d'outre-mer: POM) ดินแดนแห่งเดียวของฝรั่งเศสที่ได้รับการเรียกชื่อนี้คือ เฟรนช์โปลินีเซีย (French Polynesia) ซึ่งเคยเป็นดินแดนโพ้นทะเล (TOM) มาก่อน แต่ได้รับการเปลี่ยนแปลงฐานะในวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2546 โดยแบ่งออกเป็น 5 เขตบริหารย่อย
1
อาณานิคมพิเศษ (Collectivité sui generis) คือ นิวแคลิโดเนีย (New Caledonia) เคยมีฐานะเป็นดินแดนโพ้นทะเลมาจนถึงปี พ.ศ. 2542 จึงได้รับการเปลี่ยนแปลงฐานะ แบ่งออกเป็น 3 จังหวัด (provinces) ได้แก่ จังหวัดนอร์ ซูด และอีลลัวโยเต
1
ดินแดนโพ้นทะเล (Territoires d'outre-mer: TOM) คือ เฟรนช์เซาเทิร์นและแอนตาร์กติกแลนส์ (French Southern and Antarctic Lands) โดยแบ่งออกเป็น 4 เขต (districts) ได้แก่ หมู่เกาะแกร์เกอลอง (Kerguelen Islands) หมู่เกาะโกรเซต์ (Crozet Islands) เกาะอัมสเตอร์ดัมและเกาะแซงปอล (Amsterdam Island and Saint Paul Island) และดินแดนอาเดลี (Adelie Land)
ดินแดน 5 เกาะในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งไม่มีผู้อาศัยอยู่อย่างถาวร รู้จักกันในชื่อ หมู่เกาะกระจายหรืออีลเซปาร์ส (Îles Éparses) ได้แก่
บัสซาสดาอินเดีย (Bassas da India) ยูโรปา (Europa) ฮวนเดโนวา (Juan de Nova) โกลริโอโซ (Glorioso) และตรอมแลง (Tromelin) ทั้งหมดถูกปกครองโดยจังหวัดโพ้นทะเลเรอูนียง
เกาะที่ไม่มีผู้อาศัย 1 แห่ง คือ
เกาะคลิปเปอร์ตัน (Clipperton) อยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ใกล้ชายฝั่งประเทศเม็กซิโก ปกครองโดยข้าหลวงใหญ่สาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำท้องถิ่นโพ้นทะเลเฟรนช์โปลินีเซีย
^^_____________________><__::.



วันเสาร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2551

V__vacance^ ^




ปิดเทอมซะเเละ !!!
คิดถึงเพื่อน ๆน่าดูเลย

แปลกเนอะ
พอเปิดอยากปิด พอปิดอยากเปิด
คิดถื้ง - คิดถึง
คิดถึงอาคารเรียน ห้องเรียน เสาธง กระดานดำ โรงอาหาร คุณครูที่คอยสอนเรื่องดี ๆให้แก่ลูกศิษย์
และก็เพื่อน ๆทุกคน ________^.^

ถึงโลกจะพัง
กะละมังจะยุบ
มิตรภาพอันแสนสุข
จะไม่ยุบเหมือนกะละมัง -- --

และสุดท้าย.....ก็อยากให้อาจารย์เกรียงไกรดูเเลสุขภาพตัวเองให้ดีด้วยคะ ______><{*-*}
Repose-toi bine
et Soigne-toi bien ♥♥♥♥♥

วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2551

Paris Travel^ ^

Travel
Paris is the capital city of France and is located in vle-de-France region, on the Seine river, with an estimated population of 2,153,600 inhabitants. The Paris region is the France's center of economic activity and also in paris are located the main offices of important organizations such as: UNESCO, NATO, the OECD, the ICC.
Paris is not only an economic center but also a learning and cultural city, the fashion of Paris is well known around the world, many famous fashion designers make their events in this city. During the first to fifth century Paris was called Lutetia but after this period it adopted its actual name. Paris is sometimes called 'The City of Light' because its cultural life and intellectual preeminance and also for its beautiful appearance. The French capital is one of the most wonderful cities around the world.

^^__________><________^//^____^o^____*0*_________~~!!__________^^

วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2551

เรื่องน่ารู้กับฝรั่งเศส><


พื้นที่
ฝรั่งเศสมีพื้นที่ 550,000 ตารางกิโลเมตร นับเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันตก (ประมาณเกือบหนึ่งในห้าของพื้นที่ของสหภาพยุโรป) อีกทั้งยังมีพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่กินอาณาบริเวณกว้างขวาง (เขตเศรษฐกิจจำเพาะมีพื้นที่ทั้งสิ้น 11 ล้านตารางกิโลเมตร)
ภูมิประเทศ
พื้นที่ประมาณสองในสามของประเทศฝรั่งเศสเป็นที่ราบ เทือกเขาที่สำคัญได้แก่ เทือกเขาแอล์ปซึ่งมียอดเขาที่สูงที่สุดในยุโรป คือ ยอดเขามงต์บลองก์ (Mont-Blanc) สูง 4,807 เมตร เทือกเขาปิเรเนส์ เทือกเขาจูรา เทือกเขาอาร์แดนส์ เทือกเขามาสซิฟ ซองทราลและเทือกเขาโวจช์ ประเทศฝรั่งเศสมีชายฝั่งทะเลอยู่ถึง 4 ด้าน คิดเป็นความยาวรวมทั้งสิ้น 5,500 กิโลเมตร
ภูมิอากาศ
มี 3 แบบคือ
แบบชายฝั่งทะเลตะวันตก (บริเวณตะวันตกของประเทศ)
แบบเมดิเตอร์เรเนียน (ทางตอนใต้ของประเทศ)
แบบภาคพื้นทวีป (ทางตอนกลางและภาคตะวันออกของประเทศ)
สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ
พื้นที่เกษตรกรรมและทำป่าไม้มีประมาณ 48 ล้านเฮกตาร์ คิดเป็นร้อยละ 82 ของพื้นที่โดยรวมทั้งประเทศ (เฉพาะฝรั่งเศสส่วนภาคพื้นทวีป)


พื้นที่ป่ามีประมาณร้อยละ 30 และนับว่ามีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของสหภาพยุโรปรองจากสวีเดนและฟินแลนด์ ตั้งแต่ปี 1945 พื้นที่ป่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 46 และถ้าพูดถึงในช่วง 200 ปีที่ผ่านมา นับว่าเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว
ฝรั่งเศสมีความแตกต่างไปจากประเทศอื่นๆในยุโรปเพราะมีพันธุ์ไม้มากถึง 136 ชนิด ในส่วนของสัตว์ใหญ่ก็เพิ่มจำนวนขึ้น ภายในช่วงระยะเวลา 20 ปี จำนวนของสัตว์ประเภทกวางเพิ่มขึ้นถึง 2-3 เท่า
ประเทศฝรั่งเศสให้ความสำคัญกับมรดกทางธรรมชาติและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ จึงได้มีการจัดตั้ง- อุทยานแห่งชาติ 7 แห่ง- ป่าสงวน 156 แห่ง- เขตรักษาพันธุ์พืชและสัตว์ป่า 516 แห่ง- รวมทั้งประกาศให้พื้นที่อีก 429 แห่งเป็นเขตอนุรักษ์อยู่ภายใต้การดูแลของสถาบันอนุรักษ์ชายฝั่งทะเล- นอกจากนี้ยังมีอุทยานธรรมชาติตามภูมิภาคต่างๆ อีกกว่า 37 แห่งซึ่งกินพื้นที่กว่าร้อยละ 7 ของประเทศ

ในระดับนานาชาติ ฝรั่งเศสเป็นภาคีของสนธิสัญญาและอนุสัญญาทางด้านสิ่งแวดล้อมหลายฉบับ รวมทั้งอนุสัญญาของสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความหลากหลายทางชีวภาพและการแปรสภาพเป็นทะเลทราย

วันเสาร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2551

สมเด็จพระจักรพรรดินโปเลียนที่ 3 ^^


สมเด็จพระจักรพรรดินโปเลียนที่ 3

จักรพรรดินโปเลียนที่ 3
(Napoléon III de France)
หรือเป็นที่รู้จักกันในพระนาม หลุยส์-นโปเลียน โบนาปาร์ต
(20 เมษายน พ.ศ. 23519 มกราคม พ.ศ. 2416) ประธานาธิบดีพระองค์แรกแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส
ต่อมาได้กลายเป็นจักรพรรดิ
แห่งจักรวรรดิฝรั่งเศสในพระนาม
จักรพรรดินโปเลียนที่ 3 โดยการก่อ
รัฐประหาร พระองค์ยังถือว่าเป็นประธานาธิบดีพระองค์แรก
ของสาธารณรัฐฝรั่งเศสและจักรพรรดิพระองค์สุดท้ายของ

ประวัติ ___________^ ^
เจ้าชายหลุยส์-นโปเลียน ประสูติ ณ กรุงปารีส เป็นโอรสพระองค์ที่ 3
(จากการสมรสครั้งแรก) พระมเหสีในจักรพรรดินโปเลียนที่ 1
ในรัชสมัยของจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 พระบิดา - มารดาของพระองค์
ได้รับตำแหน่งให้เป็นกษัตริย์และพระราชินีแห่งราชอาณาจักรฮอลแลนด์
ซึ่งเป็นรัฐบาลหุ่นของจักรวรรดิฝรั่งเศส แต่ภายหลังจากการพ่ายแพ้
และลงจากตำแหน่งของจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 ในปี พ.ศ. 2358
และการกลับมาของราชวงศ์บูร์บงในประเทศฝรั่งเศส
สมาชิกราชวงศ์โบนาปาร์ตได้ถูกเนรเทศออกจากประเทศฝรั่งเศส
ส่งผลให้หลุยส์-นโปเลียน ผู้เยาว์วัยได้เติบโตขึ้นมาในประเทศสวิตเซอร์แลนด์
(อาศัยกับพระมารดาในมลรัฐเล็กๆ ชื่อว่า Thurgau)
และในประเทศเยอรมนี (ได้รับการศึกษาที่โรงเรียนเตรียมมหาวิทยาลัย เมืองออกซ์บูร์ก บาวาเรีย)
ในฐานะหนุ่มวัยเยาว์เขาได้อาศัยในประเทศอิตาลี
ในที่ๆ พระเชษฐา นโปเลียน หลุยส์ ได้สนับสนุนการปกครองแบบเสรีนิยม
และมีส่วนร่วมกับคาร์โบนารี องค์กรต่อต้านอิทธิพลของออสเตรีย
ในดินแดนตอนเหนือของประเทศอิตาลี ซึ่งต่อมาจะมีอิทธิพลต่อการปกครองของพระองค์
ในนโยบายการต่างประเทศ
____________________________________~^ ^

วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2551

ดอกไม้ในฝรั่งเศส ^ ^

^ ^ ___ สินค้าในร้านดอกไม้ (chez le fleuriste) ___^ ^

-une tulip(ตูลีฟ) - ดอกทิวลิปมีหลายสี
- un chysanthème (คริซองแตม) - ดอกเบญมาศมีหลายสี
เป็นดอกไม้วัน Toussaint
- une narcisse (นาร์ซีส) - ดอกนาร์ซีสหรือฌงกีย์เป็นดอกไม้สีขาว
- une jonquille (ฌงกีย์) สีเหลืองมีไส้ในสีแดงกลิ่นหอม
- une amaryllis (อมาริสลิส) - ดอกอมาริสลิส บางทีเรียกว่า
ดอกพลับพลึงแซงค์ฌาค เป็นดอกใหญ่สีแดงกลิ่นหอม
- une jacinthe (ฌาแซงค์) - เป็นดอกไม้สีสวยมีทุกสี ดอกเป็นพุ่ม
(fleurs en grappes) กลิ่นหอมและดอกอยู่ได้นาน มักจะปลูก
ใส่กระถางไว้หน้าบ้าน
- un oeillet (เอยเย่) - ดอกคาร์เนชั่น มีหลายสี
- un glaieul (กลาเย่) - ดอกกลาดิโอลัส คล้ายดอกซ่อนกลิ่น มีหลายสี
- une rose (โรซ) - ดอกกุหลาบ มีหลายพันธุ์ หลายสี สวยงามมาก
- un lis หรือ lys (ลีส) - ดอกพลับพลึงเป็นดอกไม้สีขาวกลิ่นหอม
เป็นดอกไม้ประจำชาติของประเทศฝรั่งเศส
- une orchidée (ออร์ชิเด้) - ดอกกล้วยไม้ (เป็นสินค้าเข้า) ดอกไม้อื่นๆ
ในฝรั่งเศสที่ควรรู้จัก
- une glycine (กลีซีน) - ไม้เถา ดอกเป็นพวงยาวสีม่วงปนขาว
และชมพูอ่อนกลิ่นหอมเย็นมักจะปลูกบนร้านริมรั้วหรือข้างบ้าน
- un pivot (ปาโว) - เป็นดอกไม้ป่าที่เกิดในทุ่ง ดอกสีแดงทำให้ท้องทุ่ง
- un coquelitcot (กอกเกอลิโก) - สวยงามเป็นวัชพืช (une mauvaise herbe)
ดอกสีแดงของดอกไม้ชนิดนี้ทำให้มีคำเปรียบเทียบว่าดอกกอกเกอลิโก
- une lavande (ลาวองด์) - ดอกลาแวนด้า เป็นดอกไม้แถบเมดิเตอร์เรเนียน
นำไปทำน้ำหอม
- un edelweiss (เอคแดลไวส์) - ดอกไม้ชนิดนี้เป็นดอกไม้ภูเขาแอลป์
ระดับสูงตั้งแต่ 1,000 เมตรขึ้นไปรูปดอกคล้ายปลาดาวกลีบดอกมีลักษณะ
เป็นกำมะหยี่มีสีขาวไส้ในสีแดงหรือเหลืองบางทีเรียก Pied de lion
(เท้าสิงโต) หรือ Etole d’argent (ดาวเงิน)
- une marguerite (มาร์เกอริต) - ดอกมาร์กาเร็ต เป็นดอกไม้ป่าสีขาว
ที่ประดับท้องทุ่งเหมือนดอก coguelicots
- un tournesol (ทูร์นซอล) - ดอกทานตะวัน
- un muguet (มูเก) - ดอกมูเกมีกลิ่นหอมเป็นดอกไม้ที่ให้กันในวันที่ 1 พฤษภาคม......*

วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ในวันชาติฝรั่งเศส___^ ^


วันชาติฝรั่งเศสตรงกับวันที่ 14 กรกฎาคม
ของทุกปี ซึ่งถือเป็นวันแห่งการปฎิวัติการปกครองจากระบบเจ้าขุนมูลนายไปสู่การปกครอง

ในระบอบสาธารณรัฐ โดยประชาชนทั่วทั้งประเทศได้
ลุกฮือขึ้นต่อต้านการปกครองแบบยุกโบราณจนกระทั้งได้รับชัยชนะ
เป็นครั้งแรกจากบุกเข้าทลายคุกบาสติลที่
เปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของการกดขี่ประชาชน

เมื่อ 209 ปีก่อนและนำไปสู่การล้มล้างระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ได้สำเร็จ
โดยสมัชชาแห่งชาติได้กำหนดโครงสร้างกฏหมายฉบับใหม่
ที่ยกเลิกการให้ความมีเอกสิทธิ์
ขจัดเรื่องสินบนและล้มเลิกระบบฟิวดัล(ระบบศักดินา)

จากนั้นต่อมาจึงมีการจัดงานฉลองแห่งชาติขึ้นเรียกว่า
"The Feast of the Federation"
เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปีของเหตุการณ์จลาจล
ที่กองกำลังแห่งชาติจากทั่วประเทศได้เดินทางรวมพลกันที่
"Champs-de-Mars" ในกรุงปารีส______^^

วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2551

มินิมีทโล้ฟ ^ ^

^//^ มินิมีทโล้ฟห่อเบคอน ^\\^
วันก่อนเปิดวิธีทำมีทโล้ฟไว้แล้ววันนี้มาลองทำมินิมีทโล้ฟห่อด้วยเบคอนดูค่ะ
จะรับประทานแบบอาหารฝรั่งก็ได้ คือเสิร์ฟกับพวกพาสต้า มันฝรั่งบด

หรือเบคบีนหรือว่าจะทานแบบไทยๆเสิร์ฟกับข้าวสวยร้อนๆก็ได้ค่ะ
แล้วเราสามารถปั้นเป็นก้อนแช่แข็งไว้ได้

เวลาจะรับประทานค่อยเอาออกมาอบวิธีนี้สะดวกสบายแรงงานคุณแม่บ้านดีค่ะ

ส่วนผสมและวัตถุดิบต่าง ๆ >> นำมาคลุกเคล้าให้เข้ากันนะค่ะ ^o^


เมื่อเสร็จแล้วนำไปปั่นห่อเป็นก้อน แล้วนำไปอบ >>

ซัก 20 -30 นาที แล้วนำเอาจากเตาอบมารับประทานได้เลยค๊า !

ราก็สามารถนำมาทำทานกันได้ที่บ้านได้เลยนะค่ะ ^______^

วันอังคารที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ธงชาติฝรั่งเศส ^ o ^

ธงชาติฝรั่งเศส



มีสี 3 สีเหมือน ธงชาติไทยเลย ^^


ธงไตรรงค์หรือ tricolore เป็นธงต้นฉบับของประเทศฝรั่งเศสที่หลายๆประเทศนำมาใช้ รวมทั้งประเทศไทย ประกอบด้วย 3 สี คือ แดง น้ำเงิน และขาว


แต่เดิม ธงของฝรั่งเศสมีเพียงแค่ 2 สีเท่านั้น

คือ แดงและน้ำเงิน อันเป็นสีประจำของกองทหารรักษาพระนครในกรุงปารีส



และเป็นสัญลักษณ์ของการปฏิวัติ ต่อมาในปี ค.ศ 1789 (พ.ศ 2332) ลา ฟาแยต์ (La Fayette) ได้เติมสีขาวซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความภักดี และเป็นสีของสถาบันกษัตริย์ในระราชวงศ์บูร์บองส์

และแล้วตั้งแต่นั้นมา ธงไตรรงค์จึงกลายเป็นธงชาติประจำสาธารณรัฐฝรั่งเศส ~ ~~

LOUVRE ^ ^






- พิพิธภัณฑ์ลูฟว์ (LE MUSEÉ DU LOUVRE) ซึ่งเป็นพระราชวังที่มีความเก่าเป็นอันดับ ๒

ของกรุงปารีส (พระราชวังแห่งแรกอยู่ที่ CONCIERGERIE)
เคยเป็นที่ประทับของกษัตริย์

ตั้งแต่ศตวรรษที่ ๑๓ จนถึงสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔

ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศส
และเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งรวบรวมสิ่งมีค่าและชั้นยอดจำนวนมากที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง มีภาพเขียนรวมทั้งหมดประมาณ ๖,๐๐๐ ภาพ และงานแกะสลักประมาณ ๒,๒๕๐ ชิ้น ศิลปวัตถุที่สำคัญ ๆ ของโลกที่อยู่ที่นี่ ได้แก่ ภาพเขียนโมนาลิซ่า
(ของลีโอนาร์โด ดาวินชี) รูปแกะสลักเทพีวีนัสแห่งไมโล
(VENUS DE MILO) และปฏิมากรรมแกะสลักชัยชนะ

แห่งซาร์โมทราส (VICTOIRE DE SAMOTHRACE) __ __~~~*

วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ที่มาของคำว่า '' ฝรั่งเศส ''



คำว่า ฝรั่งเศส (France) มาจากภาษาละติน Francia ซึ่งแปลตามตรงว่า

ดินแดนแห่งแฟรงค์ (Frankland) และมีหลายทฤษฎีที่สันนิษฐานถึงที่มาของคำว่า แฟรงค์ (Franks) หนึ่งในนั้นคือมาจากคำในภาษาโปรโต-เยอรมัน Frankon

ซึ่งแปลว่า หลาว หอก หรือทวน

ซึ่งเป็นอาวุธของพวกแฟรงค์ เป็นที่รู้จักกันในนาม Francisca
อีกทฤษฎีหนึ่งของประวัติของคำคือ
ภาษาเยอรมันโบราณ

โดยคำว่า แฟรงค์ แปลว่า อิสระ ซึ่งคำนี้ได้วิวัฒนาการมาเป็นคำว่า ฟรังก์ (Franc)

ซึ่งเป็นสกุลเงินของประเทศฝรั่งเศสจนกระทั่งเปลี่ยนเป็นสกุลเงินยูโรในปี พ.ศ. 2545
ในปัจจุบันประเทศเยอรมนียังเรียกประเทศฝรั่งเศสว่า

Frankreich ซึ่งแปลว่า อาณาจักรแห่งแฟรงค์ อีกด้วย ^/\^ *

วันจันทร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ท่องเที่ยวแดนฝรั่งเศส ^ ^

>> ใครที่คิดจะไปเที่ยวฝรั่งเศสคนเดียว...ระวัง!!!

ระวังจะ...เหงาค่ะ T_T เพราะมันเป็นเมืองโรแมนติกมาก ๆ เดินคนเดียวก็เหงาจะแย่อยู่แล้ว ยังต้องเห็นภาพของคู่รักที่สวีทกันมาก ๆ อยู่เต็มเมืองไปหมด -_-'





เริ่มที่ Arc De Triomphe จะมีป้ายบอกเป็นระยะว่ามีทางเดินลอดใต้ถนนเข้าไปที่ประตูชัยนะ เป็นภาษาฝรั่งเศสซะด้วย แล้วเดี๊ยนท่อง A B C เป็นภาษาฝรั่งเศสยังไม่ได้เลย เลยอาศัยดูรูป แล้วก็เดินมั่ว ๆ ไป สุดท้ายก็เจอทางลงจนได้





บอกแล้วว่าฟ้าครึ้ม ถ่ายอะไรมันก็อึมครึมไปหมด เข้ากับอารมณ์คนโสดได้ดีจริง ๆ จาก Concorde จะมองเห็นหอไอเฟลอยู่ไกล ๆ ค่ะ






จะเดินผ่านสวนสาธารณะ
นกตรึมค่ะ


ก่อนถึง Louvre ค่ะ เพื่อนเราที่มาเที่ยวก่อนหน้านี้ ก็มีรูปถ่ายมุมนี้กับรูปปั้นตัวนี้เหมือนกัน แถมยังมีนกเกาะอยู่ที่หัวรูปปั้นเหมือนกันด้วย เลยคิดกันว่าจริง ๆ แล้วทางพิพิธภัณฑ์ เค้าใช้รูปปั้นนี้เป็นที่ให้อาหารนก รึเปล่า :P










ขอแนะนำด้วยค่ะ สำหรับคนที่ไม่ชอบการเดิน รถไฟใต้ดินของเค้า จอดทุกจุดท่องเที่ยวสำคัญ ๆ เลย ไปง่ายมาก ชื่อสถานีก็มักจะเป็นชื่อเดียวกับแหล่งท่องเที่ยวเลย สำหรับเรานั่งได้แต่ Metro อ่ะ ขึ้น RER ทีไรงงทุกที ไม่รู้เป็นไง เอ้า! ถึงซะที Lourve

:)

เป็นดินแดนที่น่าท่องเที่ยวจริง ๆเลยค่ะ ^ ^

วันอาทิตย์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2551

รักแม่,,,,^^

J'AIME MAMAN ,,,^^::^^
ยกมือน้อมนอบกราบลงแทบเท้า
อยากจะกล่าวคำว่ารักสักพันหน
ขอขอบคุณที่ให้หนูเกิดเป็นคน
ได้อยู่บนดวงใจแม่มิสิ้นสุด


ยกมือน้อมนอบกราบลงแทบเท้า
ที่ให้รักสีขาวบริสุทธิ์
ขอขอบคุณที่มอบรักไม่สิ้นสุด
มิเคยหยุดมิเคยหย่อนแม้อ่อนล้า


อยากจะขอกล่าวคำพรรณนา
ที่มอบรักมีค่าให้เสมอมา
มิอยากพรากจากรักของมารดา
ขอให้ในชาติหน้าเราเจอกัน


“แอร์รักแม่ค่ะ” ~~~

วันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ภาษารัก ( ภาษาฝรั่งเศส ) ^.^

Bonjour ......... Bonjour..........
วันนี้เรามีสำนวนภาษาฝรั่งเศสว่าด้วยเรื่องรักๆ ใคร่ๆฝากนะ
เริ่มกันที่สำนวนสุดคลาสสิกตลอดกาลนะ
Je vous aime beaucou.(เฌอ วู แซม โบกู) - ฉันรักคุณมากนะ

หรือเอาแบบภาษาชาวบ้านนะ คือ Je t'aime - ฉันรักเธอ

และหลายครั้งเมื่อเราห่างเหินคนรักเราก็ต้องรู้สึกคิดถึงเป็นเรื่องธรรมดา ใช้สำนวนนี้เลย
Je pense beaucoup a toi (เฌอ ปองส์ โบกู อา ตัว) - ฉันคิดถึงเธอมากนะ สามารถใช้ได้กะทุกคนนะ
และอีกสำนวนนะสุดโรแมนติกเลย คือ
Je t'aime a l'infini (เฌอ แตม อา แลงฟีนี)- ฉันรักเธอตลอดกาลหรือรักเธอชั่วนิรันด์
อ้า.............จะบอกรักใครก็อย่าลืมช็อกโกแลตเป็นของฝากคนรักสักชิ้นด้วยนะ ความรักจะได้หวานหอมดุจช็อกโกแลต สำหรับวันนี้ก็พอแค่นี้ละกัน เจอกันคราวหน้าค่ะ Au revoir...........
^^=^^ ^^=^^

วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

สถานที่น่าสนใจ >o<*


หอไอเฟล
หอไอเฟล (อังกฤษ: Eiffel Tower, ฝรั่งเศส: Tour Eiffel) หอคอยโครงสร้างเหล็ก ที่Champ de Mars บริเวณแม่น้ำแซน ในเมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส สถานที่และสัญลักษณ์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของฝรั่งเศส ก่อสร้างในปี พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) โดย กุสตาฟ ไอเฟล ผู้ออกแบบคนเดียวกับทพีเสรีภาพ เพื่อเป็นสัญลักษณ์การจัดงานแสดงสินค้าโลกในปี 1889 (พ.ศ. 2413) ฉลองครบรอบ 100 ปีแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรม หอไอเฟลทำขึ้นจากโลหะ 15,000 ชิ้น หนักถึง 7,000 ตัน ยึดต่อด้วยน๊อต 2,500,000 ตัว สีทาทั้งหมด 35 ตัน สูง 1,050 ฟุต สิ้นเงินค่าก่อสร้าง 7,799,401 ฟรังก์ แรกๆที่หอไอฟสร้างเสร็จ หอไอเฟลได้รับการประณามโดยทั่วไปว่าเป็นไอเดียที่ประหลาดและไม่เข้าท่า หอคอยไอเฟลได้ชื่อว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในช่วงเวลา พ.ศ. 2432 - 2473 ในปัจจุบัน หอคอยไอเฟลมีนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมประมาณ 5.5 ล้านคนต่อปี นับเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่


พระราชวังแวร์ซายส์
พระราชวังแวร์ซายส์นี้ถูกดัดแปลงให้เป็นพระราชวังในสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เพราะแต่เดิมพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 ทรงใช้เป็นสถานที่พักแรมขณะล่าสัตว์ ภายนอกพระราชวัง บริเวณพระลานใหญ่จะมีพระราชาอนุสาวรีย์ทรงม้าของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ภายในจะมีห้องต่างๆ ที่ได้รับการออกแบบและตกแต่งอย่างสวยงามมากมาย เช่น โบสถ์ พื้นห้องปูด้วยหินอ่อน ้องพระราชินีถูกสร้างขึ้นเพื่อเอาไว้ต้อนรับอาคุนตุกะ ห้องออกศึกถูกสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงชัยชนะของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ห้องกระจกเงา ทำด้วยกระจกเงาทำด้วยกระจกเงามากกว่า 500 แผ่น สามารถเปิดออกสู่อุทยานได้ ห้องสันติภาพเป็นห้องที่พระราชินีใช้เป็นห้องดนตรีหรือทำพระราชกรณียกิจส่วนพระองค์

2 สถานที่นี้ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ที่ใครอยากจะไปเที่ยวฝรั่งเศสควรรู้ประวัติความสำคัญต่าง ๆคะ ^______^

แผนที่ประเทศฝรั่งเศส ^^


เพื่อน ๆที่อยากไปฝรั่งเศส ก็มาศึกษาเมืองต่าง ๆ จากแผนที่กันก่อนนะคะ ^ ^*

วันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

เพื่อนชาวฝรั่งเศส อ่ะนะ ^ ^

เมื่อวาน มีนักเรียนชาวฝรั่งเศสมาโรงเรียนเราด้วย
น่ารักกันทั้ง 4 คนเลย มี
อัน ชาร์รอท + มาคี + นิโคลา + ปิแอร์

พวกเขาได้เข้ามานั่งเรียน และพวกเราก็ได้ถ่ายรูปพวกเขาไว้
สนุกมาก เป็นครัง 1 ที่ได้นั่งเรียนนั่งคุยกับชาวฝรั่งเศสเลยคะ //^^\\

วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

=)ฟรองเซ่ เดย์ ^^

วันนี้วันชาติ ฝรั่งเศส 14 กรกฎาคมคะ !

วันนี้ไม่ได้เรียนเลย มีกิจกรรม
สนุกสนาน
แล้วแถมยังได้ถ่ายรูปกะพี่ปุ๊กด้วยแหละ ^o^

เย่ เย่ ~

=)วันชาติฝรั่งเศส ค๊ะ !

"ฟรองเซ่ เดย์"

วันนี้ 14 กรกฎาคม ' วันชาติฝรั่งเศส
มีการแสดงและกิจกรรมมากมายอ่ะ สนุกดีค่ะ ~

เย่ ๆ ^o^*

วันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

เพิ่งเริ่มคะ ~

วันนี้เพิ่งเริ่มเข้ามาทำ blog วันเเรกเลย
ยังมึน ๆอยู่เลย
อิอิ^^*